ปีนี้ ASUS เปิดตัวมือถือเกมมิ่งระดับเทพ ROG Phone 5 เร็วกว่าปกติ (จากรุ่นที่ผ่าน ๆ มาเปิดตัวราว ๆ ช่วงกลางปี) ซึ่งแน่นอนว่าสเปค + ฟีเจอร์ต่าง ๆ ยังคงอัดมาให้แบบเต็มเหนี่ยวเอาใจสายเกมกันแบบเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็นสเปคเร็วแรง, ฟีเจอร์สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ โดยคราวนี้เปิดตัวมาถึง 3 รุ่น คือ ROG Phone 5, ROG Phone 5 Pro และ ROG Phone 5 Ultimate ที่อัด RAM มาให้สูงสุดถึง 18GB

ดีไซน์คล้ายเดิม แต่เพิ่มแถบไฟ LED ที่ด้านหลัง

สำหรับรูปร่างหน้าตาของ ROG Phone 5 ดูเผิน ๆ แล้วเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อน ๆ ซักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่ยังคงมีขอบบน-ล่างเหมือนเดิม (ต้องเว้นที่ไว้สำหรับวางลำโพงแบบ Front facing) พอพลิกมาดูด้านหลังดีไซน์โมดูลกล้องและตำแหน่งการวางก็ยังคงเหมือนเดิมอีกเช่นเคย แต่ถัดลงมาด้านล่างจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยคราวนี้โลโก้ ROG ถูกเปลี่ยนเป็น Dotted Matrix Design ที่ดูแล้วคล้าย ๆ กับแผงไฟ LED

ส่วนรุ่น ROG Phone 5 Pro และ ROG Phone 5 Ultimate จะล้ำกว่า เพราะไม่ใช่แค่แถบไฟธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่มาเป็นหน้าจอ ROG Vision ที่สามารถแสดงผลเป็นกราฟิกสีเคลื่อนไหวได้แบบเก๋ ๆ เมื่อชาร์จแบตเตอรี่, มีสายเข้า, เปิด X Mode หรืออื่น ๆ ตามที่เราตั้งค่า (รุ่น Ultimate แสดงผลเป็นขาว-ดำ)

หน้าจอรีเฟรชเรทสูง 144HZ ครอบด้วย GORILLA GLASS VICTUS สุดแกร่ง

ใช้หน้าจอ AMOLED ระดับไฮเอนด์จาก Samsung ที่มีรีเฟรชเรทสูงถึง 144Hz/1ms พร้อม Touch Sampling rate สูง 300Hz เพิ่มความทันใจในการบังคับเกมแบบไม่มีหน่วง และยังรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ เพิ่มความสมจริงให้กับคอนเทนต์ที่รองรับอีกด้วย และยังแข็งแกร่งหายห่วงด้วยกระจกนิรภัย Gorilla Glass Victus ที่ป้องกันได้ทั้งรอยขีดข่วนและแรงกระแทกจากการตก

สเปคแรงเต็มเหนี่ยว

ชิป Snapdragon 888 ที่ใช้ใน ROG Phone 5 Series จะแรงกว่าที่ใช้ในมือถือรุ่นอื่น ๆ เพราะถูก Overclock ให้มีความเร็วขึ้นมาที่ 2.84 GHz เพื่อความสามารถในการประมวลของ CPU ถึง 25% และเพิ่มความสามารถในการเรนเดอร์ขึ้นไปถึง 35% โดยทำคะแนนการทดลองจาก AnTuTu ได้ไปถึง 742,776 คะแนน เทียบกับมือถือรุ่นอื่นที่ใช้ชิปเดียวกันได้คะแนนอยู่ที่ราว 700,000 ต้น ๆ เท่านั้น

แถมยังมากับ RAM แบบ LPDDR5 สูงสุดถึง 18GB (รุ่น Ultimate) และความจุแบบ UFS 3.1 สูงถึง 512GB (รุ่น Pro และ Ultimate) ทำให้การเข้าเกม หรือสลับเกม สลับแอพรวดเร็วทันใจ

ระบบระบายความร้อนแบบใหม่

นอกจากจะมีเครื่องแรงแล้ว ระบบระบายความร้อนก็ยังมีประสิทธิภาพสูงเหมือนกัน เพราะคราวนี้เปลี่ยนมาใช้ระบบ 3D Vapor Chamber ที่จะระบายความร้อนจากบริเวณ CPU โดยตรง และยิ่งใช้งานคู่กับพัดลมระบายอากาศ Aeroactive Cooler 5 จะสามารถลดอุณหภูมิของ CPU ลงไปได้ถึง 10° C และลดอุณหภูมิของตัวเครื่องได้ถึง 15° C เมื่อเล่นเกมเป็นเวลานาน ๆ แล้วไม่เกิดความร้อนมากเกินจนเครื่องต้องลดประสิทธิภาพลง ช่วยให้เกมมีเฟรมเรตนิ่งคงที่กว่าเดิมนั่นเอง

ลำโพงคู่ทรงพลัง และการกลับมาของรูหูฟัง 3.5 มม.

นอกจากหน้าจอจะสวยและลื่นปรื๊ดแล้ว ระบบเสียงของ ROG Phone 5 Series ก็เด็ดไม่แพ้กัน ด้วยลำโพงสเตอรีโอคู่แบบ Front Facing ที่ไม่โดนมือบังเวลาถือเล่นเกม, ระบบเสียง DIRAC แถมยังได้รับการทดสอบประสิทธิภาพจากเว็บไซต์ DxOMark เรียบร้อยแล้วว่าเสียงดีจริง กระหึ่มจริง

ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะ ROG Phone 5 Series มี DAC ระดับไฮเอนด์มาให้ แถมด้วยรูหูฟัง 3.5 มม. ที่คราวนี้เอากลับมาให้แล้ว ทำให้การใช้หูฟังแบบมีสายเพื่อฟังเพลง เล่นเกม หรือดูหนัง ได้คุณภาพเสียงที่สุดยอดขึ้นไปอีก

ส่วนคุณภาพของการอัดเสียงสำหรับเหล่า streamers หรือผู้เล่นที่ต้องการสื่อสารกับทีมก็หายห่วง เพราะมือถือซีรีส์นี้มีไมโครโฟนมาให้ถึง 4 ตัว ทำให้เสียงที่ส่งผ่านไมโครโฟนมีความชัดเจน

กล้องหลัง 3 ตัว 64MP

กล้องหลังของ ROG Phone 5 Series มีมาให้ทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลักเซ็นเซอร์ Sony IMX686 ความละเอียด 64MP + กล้อง Ultrawide + กล้อง Macro โดยสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 8K 30fps

ฟีเจอร์เอาใจคอเกม

เป็นมือถือเกมมิ่งทั้งที จะมีแค่สเปคแรง ๆ อย่างเดียวก็ใช่เรื่อง เพราะฉะนั้น ASUS จึงจัดฟีเจอร์มาให้แบบแน่นเอี๊ยดเอาใจเกมเมอร์กันสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝาหลัง RGB หรือจอ LCD ที่บอกไปแล้ว, ปุ่ม L-R แบบ Ultra Sonic ที่ตอบสนองได้รวดเร็ว และหลากหลายทิศทาง, การบังคับด้วยท่าทาง (Motion Control), พอร์ต USB-C สำหรับเสียบชาร์จด้านข้างเครื่อง, ระบบสั่นจากเสียงเอฟเฟ็คท์ในเกม (Haptic audio)

นอกจากปุ่ม L R ที่ขอบเครื่องแล้ว ยังมีปุ่ม L2 R2 ที่เป็นปุ่มแบบสัมผัสอยู่ที่ด้านหลังเครื่องอีกด้วย (เฉพาะรุ่น Pro และ Ultimate)

Scout Mode เปลี่ยนสีหน้าจอให้เป็นแบบ Inverse เพื่อการเล็งเป้าหมายได้ง่ายขึ้น, eSports Mode ปิดการแจ้งเตือนทุกอย่าง ป้องกันการสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ เปิดระบบ Bypass charging (เสียบไฟแบบไม่ผ่านแบตเตอรี่) และอื่น ๆ อีกเพียบ เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมสูงสุด

แบตเตอรี่ 6000 MAH พร้อมชาร์จไว 65W

แบตเตอรี่ขนาดมหึมา 6000 mAh ที่แบ่งออกเป็น 2 ก้อน ก้อนละ 3000 mAh ทำให้สามารถใช้งานกับระบบชาร์จไว HyperCharge 65W ได้ โดย ASUS เคลมว่าสามารถชาร์จจาก 0% – 100% ได้ในเวลาแค่ 51 นาทีเท่านั้น

สเปค ASUS ROG PHONE 5 / PRO / ULTIMATE

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละอียด FHD+, รองรับการแสดงผล HDR10+
  • CPU : Snapdragon 888
  • GPU : Adreno 660
  • RAM (LPDDR5) : 8GB / 12GB / 16GB / 18GB (เฉพาะรุ่น Ultimate)
  • ความจุ (UFS 3.1) : 128GB / 256GB / 512GB (เฉพาะรุ่น Pro และ Ultimate) ไม่รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก 64MP
    – กล้อง Ultra wide
    – กล้องมาโคร
  • กล้องหน้า : 24MP
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอคู่แบบ Front Facing, Dirac Sound, มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, BT 5.2
  • เซ็นเซอร์ : Fingerprint (ใต้หน้าจอ), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • แบตเตอรี่ : 6000 mAh รองรับชาร์จไว 65W
  • ระบบ Android 11 ครอบด้วย ROG UI

ราคา

ASUS ROG Phone 5 แบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 รุ่น คือ ROG Phone 5, ROG Phone 5 Pro และ ROG Phone 5 Ultimate โดยมีราคาในโซนยุโรปดังนี้

  • ROG Phone 5 (8GB/128GB) : 799 ยูโร หรือประมาณ 29,230 บาท
  • ROG Phone 5 (12GB/256GB) : 899 ยูโร หรือประมาณ 32,900 บาท
  • ROG Phone 5 (16GB/256GB) : 999 ยูโร หรือประมาณ 36,550 บาท
  • ROG Phone 5 Pro (16GB/512GB) : 1,199 ยูโร หรือประมาณ 43,860 บาท
  • ROG Phone 5 Ultimate (18GB/512GB) : 1,299 ยูโร หรือประมาณ 47,520 บาท

สำหรับการวางจำหน่ายของทั้ง 3 รุ่น จะแตกต่างกันออกไป ROG Phone 5 จะวางขายช่วงเดือนมีนาคม, ROG Phone 5 Pro จะวางขายช่วงเดือนเมษายน และ ROG Phone 5 Ultimate จะวางขายช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 ส่วนในบ้านเราจะวางจำหน่ายช่วงไหน จะเอารุ่นไหนเข้ามาบ้าง และจะมีราคาเท่าไหร่ ต้องรอติดตาม 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://droidsans.com/asus-rog-phone-5-officially-announced/

 

 

Pin It on Pinterest

Share This